cleancocleanco

Category : ทำความสะอาด

เคล็ดลับทำความสะอาด 6 จุดสะสมเชื้อโรค

ถ้าหากพูดถึงแหล่งสะสมเชื้อโรคหรือจุดสดปรกในบ้าน เชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึงห้องน้ำขึ้นมาแน่ ๆ แต่ขอบอกเลยว่าทุกคนคิดผิด เพราะจริงๆ แล้วยังมีจุดอื่นที่สกปรกและเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคมากกว่า เอาเป็นว่าถ้าใครอยากรู้ว่าจุดสกปรกที่สุดในบ้านของเราอยู่ที่ไหนบ้าง แล้วเราจะสามารถ ทำความสะอาด เพื่อลดเชื้อโรคต่าง ๆ ลงได้อย่างไร แหล่งสะสมเชื้อโรค และจุดสกปรกในบ้าน ถ้าไม่อยากให้เชื้อโรคสะสมจนเป็นอันตราย มาดูจุดสะสมเชื้อโรค พร้อมเคล็ดลับทำความสะอาดในแต่ละจุดกันค่ะ

วิธีทำความสะอาด 6 จุดสะสมเชื้อโรค

  1. ฟองน้ำล้างจาน ในขณะที่หลายคนมองว่าห้องน้ำเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคอันดับหนึ่งในบ้าน แต่ผลการวิจัยกลับระบุว่า ฟองน้ำล้างจานเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคอันดับหนึ่ง เพราะเป็นของใช้ที่มีความเปียกและชื้นอยู่เสมอ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยเศษอาหารสำหรับแบคทีเรียด้วย ซึ่งผลการวิจัยก็ยังเผยอีกว่า ในฟองน้ำล้างจานมีเชื้อราและยีสต์เป็นส่วนประกอบอยู่มากถึง 86% แบคทีเรียโคลิฟอร์ม (Coliform Bacteria) 77% และแบคทีเรียสแตฟ (Staph Cacteria) 18% โดยในแบคทีเรียเหล่านี้จะมีเชื้อซัลโมเนลลา (Salmonella) และเอสเชอริเชีย โคไล ( coli) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่นำเราไปสู่อาการปวดท้อง ท้องร่วง และอาเจียนรวมอยู่ด้วย
    การทำความสะอาดฟองน้ำล้างจานที่ถูกต้อง ก็เพียงแค่นำฟองน้ำล้างจานไปอบในไมโครเวฟประมาณ 30 วินาที ทุก ๆ 5-6 วัน หรือทางที่ดีจะทำทุกวันเลยก็ได้ แล้วอย่าลืมเปลี่ยนฟองน้ำล้างจานบ่อย ๆ อย่างน้อยทุก 2 สัปดาห์ด้วย เท่านี้ก็จะช่วยลดเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรียในฟองน้ำล้างจานได้ง่าย ๆ แล้วค่ะ
  2. อ่างล้างจาน
    อ่างล้างจานครองตำแหน่งจุดสกปรกที่สุดในบ้านเป็นอันดับสอง ซึ่งก็ถือว่าไม่พลิกโผมากนัก เพราะเป็นจุดที่เราทั้งใช้ล้างผัก ผลไม้ เนื้อ และวัตถุดิบต่าง ๆ รวมทั้งยังใช้ล้างจานชามต่าง ๆ ด้วย ซึ่งผลการวิจัยเปิดเผยว่า ในอ่างล้างจานประกอบด้วยแบคทีเรียโคลิฟอร์ม (Coliform Bacteria) 45% และเชื้อรา 27%
    ฉะนั้นจึงควรทำความสะอาดอ่างล้างจานอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และทำความสะอาดท่อระบายน้ำอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ด้วยสารฟอกขาว 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำเปล่าประมาณ 1 ลิตร แล้วเทลงไปในท่อระบายน้ำ แล้วเปิดน้ำไว้เพื่อล้างท่อให้สะอาดอีกรอบ
  3. ที่เก็บแปรงสีฟัน
    เชื่อไหมคะว่าจุดสกปรกที่สุดในห้องน้ำไม่ใช่โถส้วม แต่เป็นที่เก็บแปรงสีฟัน เพราะโถส้วมนั้นได้รับการทำความสะอาดบ่อยกว่าจุดอื่น ๆ ทว่าที่เก็บแปรงสีฟันต่างหากที่สามารถถูกละอองสกปรกและเชื้อโรคลอยไปหาได้ง่ายผ่านการกดชักโครก โดยผลการวิจัยเผยว่า ที่เก็บแปรงสีฟันเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อราและยีสต์ 64% แบคทีเรียโคลิฟอร์ม (Coliform Bacteria) 27% และแบคทีเรียสแตฟ (Staph Bacteria) 14%
    ส่วนเคล็ดลับทำความสะอาดและกำจัดเชื้อโรค ก็ให้เราปิดฝาโถส้วมทุกครั้งที่กดน้ำ และถ้าเป็นไปได้ให้เก็บแปรงสีฟันให้ห่างจากโถส้วมให้มากที่สุด หรือไม่ก็ล้างที่เก็บแปรงสีฟันด้วยน้ำสบู่ผสมน้ำอุ่นประมาณ 2 ครั้งต่อสัปดาห์
  4. ก๊อกน้ำในห้องน้ำ
    เพราะว่าเราต้องเปิดก๊อกน้ำเพื่ออาบน้ำและล้างมืออยู่ทุกวัน ทำให้ก๊อกน้ำในห้องน้ำถือเป็นอีกหนึ่งจุดสกปรกและแหล่งสะสมเชื้อโรคที่สำคัญในบ้าน ซึ่งผลการวิจัยระบุว่า บริเวณก๊อกน้ำมีแบคทีเรียสแตฟ (Staph Bacteria) สะสมอยู่ 27% และมีแบคทีเรียโคลิฟอร์ม (Coliform Bacteria) สะสมอยู่ 9% สำหรับวิธีการทำความสะอาด ก็ให้เรานำสเปรย์ฆ่าเชื้อหรือผ้าชุบน้ำยาฆ่าเชื้อไปเช็ดทำความสะอาดที่บริเวณก๊อกน้ำในห้องน้ำทุกวันนั่นเอง
  5. จานข้าวและของเล่นของสัตว์เลี้ยง
    อีกหนึ่งจุดสกปรกที่มีเชื้อโรคสะสมอยู่ไม่น้อย ได้แก่ จานข้าวและของเล่นของสัตว์เลี้ยง โดยผลการวิจัยระบุว่า ในจานข้าวของสัตว์เลี้ยงมีเชื้อราและยีสต์ประกอบอยู่ 45% แบคทีเรียโคลิฟอร์ม (Coliform Bacteria) 18% ส่วนในของเล่นของสัตว์เลี้ยงก็มีเชื้อราและยีสต์ประกอบอบู่ 55% พร้อมแบคทีเรียสแตฟ (Staph Bacteria) 23%
    โดยวิธีการทำความสะอาดและลดปริมาณเชื้อโรค ก็ให้เราล้างจานข้าวและของเล่าของสัตว์เลี้ยงทุกวันด้วยน้ำสบู่ หรือแช่ลงในน้ำยาฟอกขาวเป็นเวลา 10 นาที 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนของเล่นถ้าเป็นแบบแข็งก็ให้ล้างด้วยน้ำสบู่ ฆ่าเชื้อ แล้วตากให้แห้ง ถ้าเป็นแบบอ่อนก็สามารถนำไปซักทำความสะอาดในเครื่องซักผ้าได้ นอกจากนี้ทาง NSF ยังแนะนำให้เราล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสกับสัตว์เลี้ยงด้วย

นอกจากห้องน้ำแล้ว จุดอื่น ๆ ในบ้านก็ยังเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรียด้วย ฉะนั้นทางที่ดีเราควรใส่ใจดูแลทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมในบ้านและของใช้ต่างๆ อย่างละเอียด เพื่อให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย ไร้เชื้อโรคกวนใจนั่นเอง

เคล็ดลับการซักผ้าและดูแลเครื่องซักผ้าให้สะอาด

 

หลายคนมักคิดว่าการซักผ้าเป็นงานที่ยุ่งยากและใช้เวลามาก โดยเฉพาะเวลาที่มีคราบสกปรกฝังแน่น
แต่อย่าเพิ่งโยนทิ้งนะ อีกทั้งเครื่องซักผ้าก็ยังสกปรก ไม่รู้จะ ทำความสะอาด ยังไง ?
เรามีเคล็ดลับดีๆในการซักผ้ามากฝาก เคล็ดลับของการซักผ้าที่จะช่วยรักษาเนื้อผ้าให้อยู่ทรง มีสีสันสดใส
และสวมใส่ได้นานขึ้น ทั้งวิธีการกำจัดคราบสกปรกที่คิดว่าซักไม่ออกที่จะทำให้การซักผ้าของคุณเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว
และยังมีวิธีทำความสะอาดเครื่องซักผ้าเล็กๆ น้อยๆ มาบอกกันอีกด้วย

 


เคล็ดลับการซักผ้าและดูแลเครื่องซักผ้าให้สะอาด

        1. ล้างเครื่องซักผ้าด้วยน้ำยาบ้วนปาก

หากพบว่าเครื่องซักผ้าที่บ้านเริ่มมีกลิ่นอับหรือคราบสกปรก แสดงว่าถึงเวลาทำความสะอาดแล้วล่ะ
โดยเทน้ำยาบ้วนประมาณปากครึ่งแก้วลงไปในช่องใส่ผงซักฟอก
จากนั้นก็เปิดสวิตช์ให้เครื่องทำงาน เพียงเท่านี้ทั้งเชื้อราและแบคทีเรียที่เป็นอันตรายก็จะถูกฆ่าเรียบ

        1. กำจัดคราบเหลืองด้วยแอสไพริน

โดยบดยาแอสไพรินขนาด 325 มิลลิกรัม จำนวน 5 เม็ด จากนั้นก็นำไปละลายในน้ำร้อนปริมาณ 2 ลิตร
เสร็จแล้วนำเสื้อผ้าขาวลงไปแช่ อย่าลืมกดให้ทุกส่วนจมลงไปในน้ำ
แล้วปล่อยทิ้งไว้อย่างน้อย 8 ชั่วโมง เพื่อรอให้กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ออกฤทธิ์
จากนั้นก็นำมาซักตามปกติ เท่านี้ก็จะช่วยให้เสื้อผ้ากลับมาขาวสะอาดแล้วค่ะ
ซึ่งนอกจากนี้ยาแอสไพรินยังสามารถกำจัดคราบเลือดบนเสื้อผ้าได้ด้วย
โดยให้เราละลายยาแอสไพรินลงในน้ำเย็น (อย่าใช้น้ำร้อนเด็ดขาด เพราะจะทำให้คราบยิ่งฝังลึก)
จากนั้นก็นำเสื้อผ้าที่มีคราบลงไปแช่ ถ้าคราบแห้งก็ให้นำยาแอสไพรินบดไปถูบริเวณที่มีคราบ
ปล่อยทิ้งไว้ 2 ชั่วโมง แล้วค่อยซัก

        1. ไม่ควรตากผ้านานเกินไป

เพราะการตากผ้าเอาไว้นานเกินไป จะทำให้เนื้อผ้าแข็ง รีดผ้ายาก แม้แต่เตารีดไอน้ำก็ช่วยลบรอยยับไม่ได้
แต่ถ้าหากตากไว้จนลืมสนิทและมีปัญหานี้อยู่ละก็ แนะนำให้พรมน้ำสักหน่อยก็จะช่วยให้รีดได้ง่ายขึ้นแล้ว

        1. ใส่ถุงเท้าในถุงตาข่ายก่อนซัก

สำหรับคนที่มีปัญหาถุงเท้าย้วยหรือมักจะเหลือข้างเดียวเป็นประจำ
แนะนำให้ใส่ถุงตาข่ายก่อนจะซัก ก็จะเป็นการถนอมถุงเท้าให้ใส่ไปได้นาน ๆ
แถมยังได้ถุงเท้ากลับมาแบบครบคู่หลังซัก ไม่ต้องกังวลว่าจะมีข้างใดข้างหนึ่งจะหายอีกต่อไป

        1. คืนสภาพเสื้อหดด้วยแชมพูเด็ก

คืนสภาพเสื้อผ้าที่หดตัวโดยผสมแชมพูเด็กกับน้ำอุ่นใส่ลงในกะละมัง
แล้วนำเสื้อผ้ามาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที จากนั้นนำเสื้อผ้าขึ้นมาโดยไม่ต้องล้างน้ำ
แล้ววางไว้บนผ้าเช็ดตัวแห้ง พร้อมกับม้วนเพื่อซักน้ำออก
ทำซ้ำไปเรื่อย ๆ จนกว่าเสื้อผ้าจะยืดกลับมามีขนาดเหมือนเดิม

        1. แยกเสื้อซักตามเนื้อผ้า

หลักการแยกเสื้อผ้าควรแยกตามความหนาของผ้าแทนการแยกตามสี
เพราะว่าผ้าที่หนาและหนักจะดูดซับน้ำได้มากกว่าผ้าที่บาง
ทำให้การที่เราซักเสื้อผ้าทั้งหนาและบางรวมกัน จึงทำให้เสื้อผ้าไม่สะอาดทั่วเท่าที่ควร
อีกทั้งยังสามารถส่งผลเสียต่อเนื้อผ้าที่บางกว่าอีกด้วย ยกเว้น 2 กรณีคือ
ควรซักผ้าขาวแยกเสมอและไม่ควรซักผ้าด้วยน้ำที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 29 องศาเซลเซียส
เพราะจะทำให้เสื้อผ้าสีซีดลงด้วย

        1. ใช้ครีมโกนหนวดลบคราบเครื่องสำอาง

ถ้ามีคราบเครื่องสำอางติดบนเสื้อผ้าแล้วซักออกไม่หมดซะที
ให้นำครีมโกนหนวดมาถูบริเวณที่มีคราบ แล้วปล่อยทิ้งไว้ 10-15 นาที
ก่อนซักตามปกติ หากไม่สามารถกำจัดออกได้ในครั้งเดียวก็ให้ทำซ้ำอีกครั้ง

        1. ป้องกันรอยยับด้วยลูกบอลฟอยล์

รู้ไหมคะว่าเพียงแค่เราม้วนฟอยล์อะลูมิเนียมให้เป็นลูกบอล ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2-3 นิ้ว
จำนวน 2-3 ลูก จากนั้นก็ใส่ลงไปในเครื่องซักผ้าพร้อมเสื้อผ้า
ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เสื้อผ้าของเราเกิดไฟฟ้าสถิตและลดการเกิดรอยยับได้

        1. กำจัดคราบฝังแน่นด้วยไดร์เป่าผม

สำหรับคราบที่ไม่ใช่คราบโปรตีน (Non-Protein Stains) เช่น คราบดิน คราบหญ้า
คราบน้ำผลไม้ ก่อนนำไปซักให้ใช้ไดร์เป่าผมเป่าสักพักแล้วป้ายน้ำยาขจัดคราบลงไป
ความร้อนจากลมของไดร์เป่าผมก็จะช่วยให้ซักสะอาดได้ง่ายขึ้น

        1. ใช้ผ้าขนหนูแห้งทำให้ผ้าแห้งไวขึ้น

หากต้องการสวมเสื้อผ้าที่เพิ่งซักไปแบบเร่งด่วน สามารถเร่งให้ผ้าแห้งเร็วขึ้นได้ด้วย
การนำผ้าเช็ดตัวที่แห้งสนิทแล้วมาแขวนไว้ราว หากเป็นเสื้อผ้าที่ยังเปียกชื้นมาก ๆ
แต่ใกล้จะถึงเวลาที่ต้องนำมาใส่แล้ว ให้นำมาวางบนผ้าเช็ดตัวที่แห้งสนิทแล้วม้วนเข้าด้วยกัน
ก่อนจะนำไปปั่นแห้งอีกรอบ เพื่อลดความชื้นในเนื้อผ้า

 

 เสื้อผ้าที่ใส่ไปนานก็ต้องเสียทรงหรือสีซีดลงเป็นธรรมดา แต่เราสามารถยืดเวลาการใช้งานออกไป
ด้วยเคล็ดลับง่ายๆ เหล่านี้ที่จะช่วยรักษาทรงและสีสันของเสื้อผ้าให้สวยงาม สดใส ไม่ดูเก่า พร้อมทั้งใส่ได้นานขึ้น

 

 

 

ป้องกันและกำจัดเชื้อโรค ! จากฟองน้ำล้างจาน

รู้หรือไม่ว่าฟองน้ำล้างจานที่ใช้กันอยู่ทุกวัน กลับเป็นแหล่งสะสมสิ่งสกปรกและเชื้อโรคสุดสกปรกเอาไว้มากมายหนึ่งในตัวอันตรายก็คือ ซัลโมเนลลา

บอแรกซ์ สารอันตรายที่ไม่ได้มีแต่โทษเท่านั้น !

สารบอแรกซ์อาจจะเป็นอันตรายต่อร่างกายถึงขั้นเสียชีวิตหากเรากินเข้าไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีแต่โทษด้านเดียว เพราะทุกอย่างย่อมมี 2 ด้านเสมอ

เคล็ดลับการทำความสะอาดบ้านเพื่อป้องกันโรคภูมิแพ้

สภาพแวดล้อมในบ้านและการรักษาความสะอาดภายในบ้าน ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากสำหรับคนในครอบครัว เพราะจะส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของคนในบ้าน ทำให้เป็นโรคต่างๆตามมาได้ เช่น โรคภูมิแพ้ และเราจะเห็นได้ว่า บ้านในปัจจุบันมักจะตกแต่งด้วยพรมเป็นส่วนใหญ่ และใช้เครื่องปรับอากาศเป็นประจำ ส่งผลให้อากาศถ่ายเทไม่สะดวก และเชื้อไรฝุ่น ก็จะเจริญเติบโตได้ดี นอกจากนั้นยังมีสัตว์เลี้ยง ที่นิยมเลี้ยงอยู่ภายในบ้าน ก็ถือเป็นต้นเหตุของโรคภูมิแพ้เช่นกัน ดังนั้น เราควรใส่ใจดูแลในเรื่องการ ทำความสะอาด ภายในบ้านเป็นประจำ

เคล็ดลับการทำความสะอาดบ้านเพื่อป้องกันโรคภูมิแพ้ 4 ข้อ ดังนี้

  1. ตากแดดเครื่องนอน

เครื่องนอนเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรีย เชื้อโรค เหงื่อ และเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ทำให้เกิดการเจริญเติบโตของ ไรฝุ่น ที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ ที่คนส่วนใหญ่มองข้ามทั้งๆ ที่สมาชิกในบ้านทุกคนใช้เวลาในการนอนนานที่สุด การซักเครื่องนอนด้วยเครื่องซักผ้าอย่างเดียว อาจไม่สามารถช่วยขจัดไรฝุ่นทั้งหมดได้ เพราะไรฝุ่นส่วนใหญ่ฝังอยู่ในที่นอนหรือฟูกหนาๆ ที่ยากจะเข้าถึง

  1. แสงแดดส่องถึง

สภาพอากาศในประเทศไทย มีลักษณะร้อนอบอ้าว ทำให้เครื่องปรับอากาศกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกบ้าน การปิดบ้านและเปิดเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา ทำให้อากาศถ่ายเทไม่สะดวก ส่งผลให้สารเคมีและฝุ่นละอองที่อยู่ภายในบ้านเติบโตได้ดี ขณะเดียวกันการเปิดหน้าต่างระบายอากาศ ก็เป็นช่องทางให้ฝุ่นและมลภาวะเข้ามาในบ้าน เครื่องฟอกอากาศจึงเป็นตัวช่วยที่สามารถลดปัญหาฝุ่นละอองภายในบ้านได้ระดับหนึ่ง

  1. ทำความสะอาดแผ่นกรอง

แอร์ , ใบพัดลม และพรมในบ้านถือเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย ฝุ่น และสิ่งสกปรก โดยเฉพาะพรมเช็ดเท้าที่มีหน้าที่เช็ดความสกปรกออกจากเท้า จึงเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคที่จะติดเท้า พรมมักทำความสะอาดยากกว่าพื้นธรรมดา และเก็บฝุ่นมากกว่าวัสดุชนิดอื่นในบ้าน การทำความสะอาดโดยง่ายคือ การใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดพรมบ่อยๆ และควรนำพรมไปซักไม่ต่ำกว่า 1 ครั้งต่อเดือน

  1. หากมีสัตว์เลี้ยง ต้องดูแลเป็นพิเศษ

ถึงแม้เราดูแลความสะอาดของน้องหมาน้องแมวเป็นอย่างดี แต่อย่าลืมว่า…สิ่งสกปรกและเชื้อโรคที่ตามองไม่เห็น จะติดอยู่ตามขนสัตว์เส้นเล็กๆ ซึ่งก็เป็นสาเหตุหนึ่งของโรคภูมิแพ้ และโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจเช่นเดียวกัน ดังนั้นควรดูดฝุ่นบ่อยๆ เพื่อไม่ให้มีเส้นขนติดอยู่ตามพื้นผิวต่างๆ อย่างเช่น เตียง โซฟา หรือแม้กระทั่งในรถ เพราะมันจะช่วยลดปัญหาภูมิแพ้จากขนสัตว์ด้วย

จากสถิติล่าสุด ของสมาคมโรคภูมิแพ้และอิมมูโนวิทยาแห่งประเทศไทย พบว่า เด็กไทยกว่าร้อยละ 38 และผู้ใหญ่อีกร้อยละ 20 เป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้นถึง 3-4 เท่า เมื่อเทียบกับ 10 ปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากปัญหาสภาพอากาศที่เลวร้ายขึ้น โดยเฉพาะคนเมืองที่ต้องเผชิญกับฝุ่นควันสะสมเกินมาตรฐาน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น เช่น ความเครียด การขาดการออกกำลังกาย มลพิษบนท้องถนน สภาพแวดล้อมที่แออัด

 ดังนั้น การรักษาทำความสะอาดของสิ่งแวดล้อมภายในบ้านจึงถือเป็น เรื่องที่สำคัญที่สุด

การทำความสะอาดบ้านแบบผิดๆ ที่คุณอาจไม่รู้ !

การทำความสะอาด บ้านแบบผิด ๆ ที่คุณอาจทำมันมาตลอด และคุณทราบหรือไม่ว่า..  วิธีการทำความสะอาด ของบางอย่างที่คุณทำมาตลอดทั้งชีวิตนั้น เป็นวิธีที่สิ้นเปลืองทั้งเวลาและแรงงาน จริงๆ แล้วของบางอย่าง หากรู้วิธีจัดการกับพวกมัน ชีวิตของคุณแม่บ้านก็จะง่ายขึ้นเยอะ เราจะมาเสนอวิธีการทำความสะอาดที่ถูกต้อง ที่ทำให้การทำความสะอาดง่ายและเร็วขึ้น ประหยัดเวลาและยังประหยัดแรงอีกต่างหาก !!

วิธีทำความสะอาดที่ถูกวิธี

  1. การทำความสะอาดกระจกหน้าต่าง แม้ว่าเราจะได้รับการสั่งสอนมาว่า อย่าไปทำความสะอาดกระจกในวันที่ฝนตก แต่เรื่องกลับกลายเป็นว่าวันที่ฟ้าใสแดดเปรี้ยงนั่นกลายเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะจะเช็ดกระจกเอาเสียเลย ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ก็เพราะแสงแดดที่สองเปรี้ยงมาที่กระจก กลับทำให้กระจกแห้งเร็ว ยังเช็ดไม่ทันเกลี้ยง ก็แห้งซะแล้ว คราบน้ำ และน้ำยา ก็แห้งติดกระจก ต้องเช็ดแล้วเช็ดอีก ทำให้เปลืองแรงและเวลามากขึ้น
  2. การทำความสำอาดคราบสกปรกบนพรม การที่คุณเอาฟองน้ำมาเช็ดและออกแรงถู ทำให้คราบสกปรกนั้นขยายวงกว้างมากขึ้น คราบสกปรกก็ติดลึกลงไปอีกและกลายเป็นคราบถาวรไปเลย ดังนั้น ! แทนที่จะเอาฟองน้ำมาเช็ด มาถู ควรเปลี่ยนเป็นใช้กระดาษซับออกไปแทนจะดีกว่า
  3. การทำความสะอาดสุขาหรือกล่องทรายสำหรับปลดทุกข์ของสัตว์เจ้าเหมียว เรื่องนี้คนเลี้ยงแมวเข้าใจกันดีว่า สุขาของน้องแมวช่างไม่น่าดูเอาเสียเลย ทั้งความสกปรก ทั้งกลิ่นที่โชยมาเต็ม ๆ แต่ทั้งนี้มีตัวช่วยที่บรรเทาเบาบางกลิ่นลงได้ ตัวช่วยที่ว่านั้นคือใส่เบกกิ้งโซดาลงไปด้านล่างของกล่องก่อน แล้วค่อยใส่สารดูดซับลงไปในกล่องตามปกติ เบกกิ้งโซดา จะช่วยทำให้กลิ่นโดยรวมสดชื่นขึ้นได้
  4. การทำความสะอาดเคาน์เตอร์ในครัว โดยปกติแล้วเรามักฉีดน้ำยาทำความสะอาดลงไปบนพื้นที่สกปรกจากนั้นก็ใช้กระดาษหรือผ้าเช็ดออกทันที แต่วิธีนี้มีมีผู้ที่เชี่ยวชาญบอกว่าเป็นวิธีที่ผิด ! เราควรฉีดน้ำยาทำความสะอาดแล้วทิ้งไว้ประมาณ 5 -10 นาทีเพื่อให้น้ำยาออกฤทธิ์สลายคราบเสียก่อน แล้วค่อยเช็ดออกวิธีนี้ประหยัดแรงในการขัดถูให้คุณแม่บ้านได้มากทีเดียว
  5. การทำความสะอาดหัวฝักบัวอาบน้ำ การที่เราพยายามใช้แรงขัดเพื่อขจัดคราบสกปรกที่ติดอยู่ตามรูเล็ก ๆ บนหัวฝักบัวนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้น ! จึงต้องรู้เทคนิค และเทคนิคที่ว่าก็คือให้นำน้ำส้มสายชูใส่ถุงพลาสติกเล็ก ๆ แล้วหยดน้ำมันหอมละเหย มะนาวเหลืองซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในสปาลงไปเล็กน้อย จากนั้นนำหัวฝักบัวจุ่มลงไปในถุงให้น้ำสมสายชูท่วมหัวฝักบัว อาจจะรัดยางที่ปากถุงกันหกเลอะเทอะ ปล่อยทิ้งไว้ข้ามคืน เมื่อเปิดดูตอนเช้า คุณจะเห็นหัวฝักบัวสะอาดเอี่ยม เหมือนของใหม่
  6. การทำความสะอาดเครื่องบดอาหารหรือเครื่องปั่นอาหาร มันเป็นเรื่องน่าเบื่อที่ไม่มีใครอยากทำเลยจริง ๆ แต่มีเทคนิคที่ทำให้ง่ายขึ้น คือ ใส่น้ำอุ่นลงไปในโถปั่นประมาณครึ่งโถ แล้วหยดน้ำยาล้างจานลงไป ปั่นประมาณ 30 วินาที แล้วเทน้ำออก หากเป็นการล้างคราบที่ติดแน่น อาจจะฝานมะนาวสักเล็กน้อย นำลงไปปั่นด้วย วิธีนี้จะช่วยลดภาระในการล้างขัดไปได้มาก
  7. ทำความสะอาดคราบสกปรกบนเสื้อผ้า อย่างเช่น เมื่อกาแฟหกเลอะเสื้อ สิ่งแรกที่คุณทำมักจะเป็นการหยิบผ้ามาเช็ด แต่นั่นช่วยอะไรไม่ได้มากเลย จะเป็นการดีกว่าถ้าจะใช้กระดาษซับ จากนั้นใช้น้ำยาขจัดคราบทาลงไปในบริเวณที่เลอะ วิธีนี้จะช่วยให้กำจัดคราบเลอะเทอะได้ดีกว่าการเช็ด ซึ่งจะทำให้คราบฝังลึกลงไปในผ้า

เป็นยังไงบ้างกับข้อมูลที่นำเสนอในวันนี้ หวังว่าจะช่วยให้คุณแม่บ้านหลายๆท่านทำความสะอาดบ้านได้ง่ายขึ้นและเร็วขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งประหยัดแรงอีกต่างหาก ทำให้คุณแม่บ้านได้มีเวลาพักผ่อนมากกว่าเดิมอีกด้วย

เคล็ดลับ ! ลดกลิ่นอับในห้องนอนและตู้เสื้อผ้า

หากใคร คนไหนกำลังประสบปัญหากับกลิ่นอับในห้องนอนและตู้เสื้อผ้าอยู่เรามีเคล็ดลับดีๆ บอกลา ! กลิ่นอับในห้องนอนและกำจัดกลิ่นอับในตู้เสื้อผ้า

บริการทำความสะอาดครบวงจร

การ ทำความสะอาด สถานที่ต่างๆนั้น เป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เพราะการจะทำให้สะอาดนั้นต้องใช้ความเชี่ยวชาญและถูกวิธี อีกอย่างใช้เวลาในการทำความสะอาดนานมากกว่าจะเสร็จ เพราะบางสถานที่นอกจากบ้านแล้ว สถานที่ต่างๆ บริษัท สำนักงาน สถานที่ราชการต่างๆ เป็นต้น มีขนาดที่ใหญ่พอสมควร การทำความสะอาดจึงถือเป็นเรื่องใหญ่ของคนที่ต้องรับผิดชอบในหน้าที่นั้น และปัจจุบันนั้นบริษัทรับทำความสะอาดนั้นมีมากมายคอยให้ในด้านต่างๆ หรือต้องการแม่บ้านชั่วคราว ก็มีให้เลือกใช้บริการ

บริษัท เอส เอ็น เซอร์วิส โซลูชั่น ให้บริการครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น การทำความสะอาดออฟฟิต , สำนักงาน , ทำความสะอาดครั้งใหญ่ในโรงงาน หรือทำความสะอาดบ้านหรือคอนโดต่างๆ มีบริการแม่บ้านชั่วคราวและประจำ เพื่อไปบริการทำความสะอาดให้กับลูกค้าที่ต้องการอีกด้วย

เอสเอ็น มีการพัฒนารูปแบบการบริการทำความสะอาด ให้เหมาะสมกับธุรกิจที่หลากหลายของลูกค้า เราได้มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆที่มีประสิทธิภาพ ทันสมัย และผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับคนและสิ่งแวดล้อม เข้ามาช่วยในการทำงานทุกด้านของเรา การรักษาสิ่งแวดล้อมในสถานที่ทำงานให้สะอาด สะดวกและถูกสุขลักษณะ

ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เรามี ผลักดันและพัฒนาบุคลากรของเราเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เราให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงาน ให้มีความรู้ความ สามารถ และมีทัศนคติที่ดีในการทำงาน เพื่อที่จะส่งมอบการบริการที่ดีที่สุด มีคุณภาพมากที่สุด เพื่อความประทับใจในการทำงานของเราให้กับลูกค้า

งานบริการด้านการทำความสะอาด ประกอบด้วยงานที่หลากหลายแบบ เช่น บริการทำความสะอาดบ้าน แม่บ้านรายวัน หรืองานบริการทําความสะอาดพื้นที่ส่วนกลาง อย่างเช่น โรงพยาบาล ศาลากลางจังหวัด , ที่ว่าการอำเภอหรือสถานที่ราชการต่างๆ งานบริการทำความสะอาดจะรวมถึง ด้านการบริหารจัดการผ้า เรื่องงานซัก อบ รีด งานตัดแต่งสวนภูมิทัศน์ และ งานบริการกำจัดแมลง เป็นต้น

นี่ถือว่าเป็นทางเลือกอีกทางเลือกหนึ่งในการเลือกใช้บริการของผู้คนในปัจจุบัน การตัดสินใจบริการทำความสะอาด หรือไม่ว่าจะต้องการแม่บ้านชั่วคราว นับว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดทางออกหนึ่ง สำหรับทุกคนและทุกสถานที่ไม่ว่าจะเป็น บ้าน , สำนักงาน , ออฟฟิตหรือสถานที่ราชการต่างๆ ในการใช้บริการทำความสะอาด

วิธีการถนอมเสื้อผ้าด้วยการซักมือ

คุณต้องอ่านป้ายคำแนะนำที่ติดไว้ที่เสื้อผ้าและต้องใช้ผงซักฟอกที่เหมาะสมในการซักคนส่วนใหญ่นั้นจะซักผ้าด้วยมือเฉพาะชุดชั้นใน

ประโยชน์ของมะนาวในการทำความสะอาด

หลายๆ คนคงจะรู้กันดีอยู่แล้วว่า “มะนาว” นั้นมีประโยชน์มีมากมาย ยิ่งในเรื่องของการ ทำความสะอาด ขจัดคราบสกปรกต่างๆและยังปลอดภัยไร้สารเคมี หาซื้อได้ง่ายและทุกๆบ้านจะต้องมีกันอย่างแน่นอน ! และเราจะมาแนะนำประโยชน์ของ มะนาวในการทำความสะอาด ที่จะทำให้การทำความสะอาดนั้นง่ายยิ่งขึ้น !

ประโยชน์ของมะนาวในการทำความสะอาด

  1. กำจัดคราบมันบนเครื่องใช้ในครัว

ในครัวนั้น เป็นบริเวณที่เกิดคราบมันได้ง่ายที่สุด และส่วนใหญ่เป็นคราบที่เกิดจากการทำอาหาร ไม่ว่าจะเป็นคราบน้ำมันกระเด็นต่างๆ ของวัตถุดิบในการทำอาหาร คราบมันทำความสะอาดยากมาก เพราะล้างยังไงก็ยังคงมันเหมือนเดิม แต่…ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้นด้วยการใช้มะนาวเป็นตัวช่วย

– วิธีการก็คือ นำมะนาวมาถูบริเวณที่มีคราบมัน เช่น คราบมันบนเครื่องครัวต่างๆ  ใช้มะนาวถูลงบนคราบให้ทั่ว จากนั้นค่อยนำไปล้างตามปกติ มะนาวจะเป็นตัวขจัดคราบน้ำมันที่ติดอยู่ได้อย่างหมดจด ( หรือบางครั้งอาจจะต้องใช้เกลือผสมเล็กน้อยแล้วแต่คราบกับสิ่งของ )

  1. ทำให้แก้วและกระจกใสขึ้น

นอกจากจะช่วยขจัดคราบมันได้แล้ว คุณสมบัติอีกหนึ่งอย่างของมะนาว คือการช่วยทำให้แก้วและกระจกใสขึ้น

  • วิธีการคือ เพียงแค่นำน้ำมะนาวผสมกับน้ำยาล้างจาน และนำน้ำยาที่ผสมแล้ว ไปล้างแก้วหรือเช็ดกระจก จะทำให้แก้วใสขึ้น กระจกก็จะกลับมาใสวิ๊งๆเหมือนเดิม
  1. ใช้มะนาวทำความสะอาดห้องน้ำและท่อน้ำทิ้ง

สำหรับท่อน้ำทิ้งที่อาจมีจะสิ่งสกปรกและเชื้อโรคสะสมอยู่ เราสามารถทำความสะอาดและกำจัดเชื้อโรคได้พร้อมๆกัน

  • วิธีการคือ ใช้น้ำมะนาวครึ่งถ้วยตวง ผสมน้ำร้อน 1 แกลลอน แล้วจัดการเทลงไปในท่อน้ำทิ้ง ปล่อยทิ้งไว้ซักครู่แล้วราดน้ำเปล่าตามไปอีกครั้ง และคราบสกปรกในห้องน้ำนั้น เป็นพื้นที่ๆทำความสะอาดยุ่งยากมาก และสกปรกมากมีสารพัดคราบที่ฝังแน่นขัดออกยาก แต่มันจะง่ายขึ้นด้วยมะนาว
  • วิธีการคือ เพียงเราผสมน้ำมะนาวลงในน้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำและใช้น้ำยาที่ผสมแล้วเทให้ทั่วบริเวณที่ต้องการขจัดคราบ ทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นขัดออกให้สะอาดด้วยการทำความสะอาดปรกติ คราบสกปรกฝั่งแน่นก็จะทำความสะอาดง่ายขึ้น
  1. จัดกลิ่นเหม็นในตู้เย็น

ในตู้เย็นนั้นมีกลิ่นมากมาย ทั้งอาหารที่แช่มานาน และกลิ่นวัตถุดิบของอาหารต่างๆ จึงทำให้เกิดกลิ่นเหม็นในตู้เย็น การกำจัดกลิ่นเหล่านี้ง่ายๆ

– วิธีการคือ โดยนำสำลีจุ่มน้ำมะนาวแล้วนำไปวางไว้ในตู้เย็น น้ำมะนาวจะช่วยดูดกลิ่นเหม็นต่างๆได้เป็นอย่างดี

  1. ทำความสะอาดจำพวกสแตนเลส

สิ่งของอุปกรณ์พวกสแตนเลสทั้งหลาย ที่มีคราบสกปรกติดอยู่หรือคราบสนิมเกาะ การล้างด้วยน้ายาทำความสะอาดคงจะทำความสะอาดยาก และการทำความสะอาดได้ง่ายๆด้วยมะนาว

  • วิธีการคือ นำน้ำมะนาวผสมกับเบกกิ้งโซดา แล้วนำไปขัดทำความสะอาดกับอุปกรณ์สแตนเลสในบ้านของคุณ ก็ทำให้กลับมาเงางามสว่างเหมือนใหม่ได้แล้ว

และประโยชน์อีกมากมายของมะนาวไม่ว่าจะเป็นส่วน ต้น ใบ ผล นอกจากน้ำมะนาวที่มีวิตามินซีสูงแล้ว ส่วนอื่นๆ ก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ในด้านอื่นๆ อีกเยอะแยะ

1 10 11 12 13