วิธีทำความสะอาดพื้นกระเบื้อง กำจัดคราบสกปรกแบบไม่ทิ้งรอยขีดข่วน ด้วยของใช้ในบ้าน ใครแพ้สารเคมีในน้ำยาทำความสะอาด ลองนำไปใช้กันดูนะคะ
แม้พื้นกระเบื้องจะดูแลง่าย แต่หากทำความสะอาดโดยไม่ระวัง ก็อาจะทำให้เกิดรอยขีดข่วน ผุ กร่อนได้เหมือนกัน วันนี้เลยขอนำวิธีทำความสะอาดพื้นกระเบื้องด้วยของใช้ในบ้านมาฝากกัน ไว้ให้สำหรับคนที่แพ้น้ำยาเคมีแรง ๆ หรืออยากลองผสมน้ำยาทำความสะอาดพื้นใช้เอง หรือวิธีทำความสะอาดพื้นกระเบื้องยังไงไม่ให้มีรอย ตามไปชมกันเลยค่ะ
1. มะนาว
สำหรับบ้านใครที่พื้นกระเบื้องมีคราบสนิมกวนใจ มากำจัดคราบสนิมบนพื้นกระเบื้องง่าย ๆ ด้วยของใกล้ตัว อย่าง “มะนาว” กันดีกว่า โดยบอกได้เลยว่าวิธีนั้นง่ายมาก ๆ เพียงแค่บีบน้ำมะนาวให้ทั่วรอยคราบ แล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้นก็นำแปรงสีฟันเก่ามาขัด ๆ ถู ๆ โดยขั้นตอนนี้อาจจะต้องออกแรงและใช้เวลาสักหน่อย เพื่อให้คราบหลุดออก แต่รับรองได้เลยว่าจะไม่มีคราบหลงเหลือ แถมไม่ทำร้ายผิวกระเบื้อง และไม่ก่อให้เกิดคราบเพิ่มด้วย
แต่ต้องบอกเลยว่ามะนาวนั้นมีประโยชน์มากมายกว่าแค่ช่วยทำความสะอาดคราบบนพื้นกระเบื้อง ฉะนั้นถ้าหากอยากรู้ว่ามะนาวจะมีประโยชน์ดี ๆ อะไรบ้าง
2. ยาสีฟัน
เพียงแค่ป้ายยาสีฟันลงบนรอยคราบ แล้วนำแปรงสีฟันมาถูเหมือนตอนที่แปรงฟัน จากนั้นก็ล้างออกด้วยน้ำเปล่า เท่านี้ก็จะได้พื้นที่สะอาดไร้คราบสกปรกกวนใจง่าย ๆ แล้ว แถมเรายังสามารถนำยาสีฟันไปใช้ประโยชน์อื่น ๆ เกี่ยวกับงานบ้านได้มากมายเลยด้วยนะ
3. สารฟอกขาว
นอกจากจะช่วยให้ผ้าขาวสะอาดเหมือนใหม่แล้ว สารฟอกขาวยังนำมาใช้ในการทำความสะอาดพื้นกระเบื้องได้ด้วย โดยขั้นแรกให้โรยสารฟอกขาวลงไปให้ทั่วรอยคราบ ไม่จำเป็นต้องใช้ปริมาณเยอะมาก แต่รอให้สารฟอกขาวเซตตัวสักประมาณ 15 นาที จากนั้นก็ฉีดน้ำลงไปนิดหน่อย แล้วก็ขัดทำความสะอาดพื้นกระเบื้องจนสะอาดได้เลย
4. มะเขือเทศกับเกลือหิน
มะเขือเทศที่เราชอบกินก็สามารถใช้ทำความสะอาดคราบสนิมบนกระเบื้องได้ โดยให้เราผ่ามะเขือเทศออกเป็นครึ่งซีก จากนั้นก็นำไปถูบนคราบ พร้อมบีบให้น้ำจากมะเขือเทศกระจายตัวอยู่บนคราบ เสร็จแล้วก็นำเกลือหินมาโรยบนน้ำมะเขือเทศอีกที แล้วจึงใช้แปรงสีฟันขัดคราบออกแบบวนเป็นวงกลมจนกว่าคราบหายไป
5. ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
อีกหนึ่งสูตรทำความสะอาดพื้นกระเบื้องดี ๆ ที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ การผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ¼ ถ้วยตวง กับน้ำส้มสายชู ½ ถ้วยตวง (ถ้าหากพื้นกระเบื้องของคุณสกปรกหนักมากก็ให้เพิ่มลงไปอีก ¼ ถ้วยตรง) ลงในน้ำอุ่นปริมาณ 1.5 แกลลอน พร้อมกับหยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นมะนาวหรือลาเวนเดอร์ลงไปสัก 5-10 หยด จากนั้นก็คนให้ส่วนผสมต่าง ๆ เข้ากัน แล้วก็นำไปใช้ถูพื้นได้เลย
โดยต้องบอกเลยว่า น้ำยาทำความสะอาดพื้นกระเบื้องสูตรนี้จะช่วยให้พื้นของคุณแห้งไวขึ้นมาก แถมยังช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ถ้าหากว่าบ้านของคุณเลี้ยงแมวเอาไว้ละก็ ควรหลีกเลี่ยงการทำความสะอาดพื้นด้วยวิธีนี้ หรือไม่ก็ใช้น้ำมันหอมระเหยแบบเจือจางมาก ๆ (น้อยกว่า 1% ของน้ำยาถูพื้น) แทน เพราะเพียงแค่กลิ่นของน้ำมันหอมระเหยก็สามารถเป็นพิษต่อแมวของคุณได้แล้ว
6. น้ำส้มสายชู
เป็นที่รู้กันดีว่า น้ำส้มสายชู ช่วยทำความสะอาดและกำจัดคราบต่าง ๆ ได้เพียบ ซึ่งแน่นอนว่าคราบสกปรกบนพื้นก็เช่นกัน โดยขั้นตอนก็ง่าย ๆ แค่ฉีดน้ำส้มสายชูลงไปบนรอยคราบแล้วออกแรงขัดนิดหน่อย จากนั้นก็ล้างออกด้วยน้ำอุ่น เท่านี้คราบสกปรกต่าง ๆ ก็จะไม่หลงเหลืออยู่บนพื้นของเราแล้ว
7. เบกกิ้งโซดา
สำหรับการกำจัดคราบบนพื้นกระเบื้องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นไม่นานหรือไม่ค่อยฝังแน่น ให้โรยเบกกิ้งโซดาให้ทั่วคราบ แล้วล้างทำความสะอาด เพียงเท่านี้คราบก็จะสลายไป ส่วนคราบที่ฝังลึกและเกิดขึ้นมานานแล้ว ให้ผสมเบกกิ้งโซดาเข้ากับน้ำเปล่าเล็กน้อย คนจนเหนียว จากนั้นก็นำไปป้ายบนคราบ ปล่อยทิ้งไว้สักครู่ แล้วก็ลงมือทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าและผ้าสะอาดจนคราบหายเกลี้ยงได้เลย
นอกจากนี้ เบกกิ้งโซดายังสามารถใช้ในการทำความสะอาดหรือกำจัดคราบอื่น ๆ ภายในบ้านของเราได้อีกมากเลยด้วย ซึ่งถ้าหากอยากรู้ว่าเบกกิ้งโซดาจะสามารถทำอะไรได้บ้าง
8. เบกกิ้งโซดาผสมน้ำส้มสายชู
เบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชูเป็นส่วนผสมในการทำความสะอาดที่ดีมาก โดยในส่วนของสูตรแรกให้โรยเบกกิ้งโซดาลงให้ทั่วพื้นกระเบื้อง จากนั้นก็นำน้ำส้มสายชูใส่ลงในขวดสเปรย์ แล้วนำมาฉีดทับบนเบกกิ้งโซดา พร้อมปล่อยให้ส่วนผสมทั้งสองเซตตัวจนเกิดฟองสักครู่ แต่ก็ระวังอย่าให้นานเกินไป ไม่เช่นนั้นคราบสกปรกอาจจะกลับมาได้ง่าย จากนั้นก็ใช้แปรงมาขัด ๆ ถู ๆ เอาคราบสกปรกออก แล้วจึงเริ่มเช็ดน้ำยาบนพื้นออกให้หมด พร้อมนำเครื่องดูดฝุ่นมาดูดเศษเบกกิ้งโซดาออกให้หมด จากนั้นก็ทำการถูทำความสะอาดพื้นให้เรียบร้อย
9. เบกกิ้งโซดาผสมน้ำส้มสายชูและน้ำอุ่น
อีกหนึ่งสูตรทำความสะอาดของเบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชูก็คือ การผสมเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ เข้ากับน้ำอุ่น 1 ถ้วยครึ่ง แล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นก็ค่อย ๆ ผสมน้ำส้มสายชู ¼ ถ้วยตวงลงไปด้วย รอให้ฟองยุบ และถ้าหากอยากได้กลิ่นหอม ๆ ก็ให้หยดน้ำมันหอมระเหยลงไปได้ เสร็จแล้วก็ให้นำส่วนผสมทั้งหมดมาเทลงในขวดสเปรย์ แล้วเขย่าเบา ๆ ก่อนใช้งาน