cleancocleanco

Tag : ทำความสะอาดป้องกันโรค

การทำความสะอาดในเขตควบคุมเชื้อ เพื่อป้องกันการแพร่กระจาย

การทำความสะอาดคือการขจัด การเช็ดถูสิ่งแปลกปลอม สิ่งสกปรกทั้งหลาย เช่น ฝุ่น เชื้อโรคออกจากพื้นผิวต่างๆ  ในขณะที่การฆ่าเชื้อโรคคือการใช้สารเคมีในการฆ่าเชื้อโรคบนพื้นผิว การทำความสะอาดก่อนช่วยอย่างมากในการทำให้สารเคมีฆ่าเชื้อโรคทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

เคล็ดลับทำความสะอาด 6 จุดสะสมเชื้อโรค

ถ้าหากพูดถึงแหล่งสะสมเชื้อโรคหรือจุดสดปรกในบ้าน เชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึงห้องน้ำขึ้นมาแน่ ๆ แต่ขอบอกเลยว่าทุกคนคิดผิด เพราะจริงๆ แล้วยังมีจุดอื่นที่สกปรกและเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคมากกว่า เอาเป็นว่าถ้าใครอยากรู้ว่าจุดสกปรกที่สุดในบ้านของเราอยู่ที่ไหนบ้าง แล้วเราจะสามารถ ทำความสะอาด เพื่อลดเชื้อโรคต่าง ๆ ลงได้อย่างไร แหล่งสะสมเชื้อโรค และจุดสกปรกในบ้าน ถ้าไม่อยากให้เชื้อโรคสะสมจนเป็นอันตราย มาดูจุดสะสมเชื้อโรค พร้อมเคล็ดลับทำความสะอาดในแต่ละจุดกันค่ะ

วิธีทำความสะอาด 6 จุดสะสมเชื้อโรค

  1. ฟองน้ำล้างจาน ในขณะที่หลายคนมองว่าห้องน้ำเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคอันดับหนึ่งในบ้าน แต่ผลการวิจัยกลับระบุว่า ฟองน้ำล้างจานเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคอันดับหนึ่ง เพราะเป็นของใช้ที่มีความเปียกและชื้นอยู่เสมอ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยเศษอาหารสำหรับแบคทีเรียด้วย ซึ่งผลการวิจัยก็ยังเผยอีกว่า ในฟองน้ำล้างจานมีเชื้อราและยีสต์เป็นส่วนประกอบอยู่มากถึง 86% แบคทีเรียโคลิฟอร์ม (Coliform Bacteria) 77% และแบคทีเรียสแตฟ (Staph Cacteria) 18% โดยในแบคทีเรียเหล่านี้จะมีเชื้อซัลโมเนลลา (Salmonella) และเอสเชอริเชีย โคไล ( coli) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่นำเราไปสู่อาการปวดท้อง ท้องร่วง และอาเจียนรวมอยู่ด้วย
    การทำความสะอาดฟองน้ำล้างจานที่ถูกต้อง ก็เพียงแค่นำฟองน้ำล้างจานไปอบในไมโครเวฟประมาณ 30 วินาที ทุก ๆ 5-6 วัน หรือทางที่ดีจะทำทุกวันเลยก็ได้ แล้วอย่าลืมเปลี่ยนฟองน้ำล้างจานบ่อย ๆ อย่างน้อยทุก 2 สัปดาห์ด้วย เท่านี้ก็จะช่วยลดเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรียในฟองน้ำล้างจานได้ง่าย ๆ แล้วค่ะ
  2. อ่างล้างจาน
    อ่างล้างจานครองตำแหน่งจุดสกปรกที่สุดในบ้านเป็นอันดับสอง ซึ่งก็ถือว่าไม่พลิกโผมากนัก เพราะเป็นจุดที่เราทั้งใช้ล้างผัก ผลไม้ เนื้อ และวัตถุดิบต่าง ๆ รวมทั้งยังใช้ล้างจานชามต่าง ๆ ด้วย ซึ่งผลการวิจัยเปิดเผยว่า ในอ่างล้างจานประกอบด้วยแบคทีเรียโคลิฟอร์ม (Coliform Bacteria) 45% และเชื้อรา 27%
    ฉะนั้นจึงควรทำความสะอาดอ่างล้างจานอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และทำความสะอาดท่อระบายน้ำอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ด้วยสารฟอกขาว 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำเปล่าประมาณ 1 ลิตร แล้วเทลงไปในท่อระบายน้ำ แล้วเปิดน้ำไว้เพื่อล้างท่อให้สะอาดอีกรอบ
  3. ที่เก็บแปรงสีฟัน
    เชื่อไหมคะว่าจุดสกปรกที่สุดในห้องน้ำไม่ใช่โถส้วม แต่เป็นที่เก็บแปรงสีฟัน เพราะโถส้วมนั้นได้รับการทำความสะอาดบ่อยกว่าจุดอื่น ๆ ทว่าที่เก็บแปรงสีฟันต่างหากที่สามารถถูกละอองสกปรกและเชื้อโรคลอยไปหาได้ง่ายผ่านการกดชักโครก โดยผลการวิจัยเผยว่า ที่เก็บแปรงสีฟันเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อราและยีสต์ 64% แบคทีเรียโคลิฟอร์ม (Coliform Bacteria) 27% และแบคทีเรียสแตฟ (Staph Bacteria) 14%
    ส่วนเคล็ดลับทำความสะอาดและกำจัดเชื้อโรค ก็ให้เราปิดฝาโถส้วมทุกครั้งที่กดน้ำ และถ้าเป็นไปได้ให้เก็บแปรงสีฟันให้ห่างจากโถส้วมให้มากที่สุด หรือไม่ก็ล้างที่เก็บแปรงสีฟันด้วยน้ำสบู่ผสมน้ำอุ่นประมาณ 2 ครั้งต่อสัปดาห์
  4. ก๊อกน้ำในห้องน้ำ
    เพราะว่าเราต้องเปิดก๊อกน้ำเพื่ออาบน้ำและล้างมืออยู่ทุกวัน ทำให้ก๊อกน้ำในห้องน้ำถือเป็นอีกหนึ่งจุดสกปรกและแหล่งสะสมเชื้อโรคที่สำคัญในบ้าน ซึ่งผลการวิจัยระบุว่า บริเวณก๊อกน้ำมีแบคทีเรียสแตฟ (Staph Bacteria) สะสมอยู่ 27% และมีแบคทีเรียโคลิฟอร์ม (Coliform Bacteria) สะสมอยู่ 9% สำหรับวิธีการทำความสะอาด ก็ให้เรานำสเปรย์ฆ่าเชื้อหรือผ้าชุบน้ำยาฆ่าเชื้อไปเช็ดทำความสะอาดที่บริเวณก๊อกน้ำในห้องน้ำทุกวันนั่นเอง
  5. จานข้าวและของเล่นของสัตว์เลี้ยง
    อีกหนึ่งจุดสกปรกที่มีเชื้อโรคสะสมอยู่ไม่น้อย ได้แก่ จานข้าวและของเล่นของสัตว์เลี้ยง โดยผลการวิจัยระบุว่า ในจานข้าวของสัตว์เลี้ยงมีเชื้อราและยีสต์ประกอบอยู่ 45% แบคทีเรียโคลิฟอร์ม (Coliform Bacteria) 18% ส่วนในของเล่นของสัตว์เลี้ยงก็มีเชื้อราและยีสต์ประกอบอบู่ 55% พร้อมแบคทีเรียสแตฟ (Staph Bacteria) 23%
    โดยวิธีการทำความสะอาดและลดปริมาณเชื้อโรค ก็ให้เราล้างจานข้าวและของเล่าของสัตว์เลี้ยงทุกวันด้วยน้ำสบู่ หรือแช่ลงในน้ำยาฟอกขาวเป็นเวลา 10 นาที 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนของเล่นถ้าเป็นแบบแข็งก็ให้ล้างด้วยน้ำสบู่ ฆ่าเชื้อ แล้วตากให้แห้ง ถ้าเป็นแบบอ่อนก็สามารถนำไปซักทำความสะอาดในเครื่องซักผ้าได้ นอกจากนี้ทาง NSF ยังแนะนำให้เราล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสกับสัตว์เลี้ยงด้วย

นอกจากห้องน้ำแล้ว จุดอื่น ๆ ในบ้านก็ยังเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรียด้วย ฉะนั้นทางที่ดีเราควรใส่ใจดูแลทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมในบ้านและของใช้ต่างๆ อย่างละเอียด เพื่อให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย ไร้เชื้อโรคกวนใจนั่นเอง

ป้องกันและกำจัดเชื้อโรค ! จากฟองน้ำล้างจาน

รู้หรือไม่ว่าฟองน้ำล้างจานที่ใช้กันอยู่ทุกวัน กลับเป็นแหล่งสะสมสิ่งสกปรกและเชื้อโรคสุดสกปรกเอาไว้มากมายหนึ่งในตัวอันตรายก็คือ ซัลโมเนลลา

เคล็ดลับการทำความสะอาดบ้านเพื่อป้องกันโรคภูมิแพ้

สภาพแวดล้อมในบ้านและการรักษาความสะอาดภายในบ้าน ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากสำหรับคนในครอบครัว เพราะจะส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของคนในบ้าน ทำให้เป็นโรคต่างๆตามมาได้ เช่น โรคภูมิแพ้ และเราจะเห็นได้ว่า บ้านในปัจจุบันมักจะตกแต่งด้วยพรมเป็นส่วนใหญ่ และใช้เครื่องปรับอากาศเป็นประจำ ส่งผลให้อากาศถ่ายเทไม่สะดวก และเชื้อไรฝุ่น ก็จะเจริญเติบโตได้ดี นอกจากนั้นยังมีสัตว์เลี้ยง ที่นิยมเลี้ยงอยู่ภายในบ้าน ก็ถือเป็นต้นเหตุของโรคภูมิแพ้เช่นกัน ดังนั้น เราควรใส่ใจดูแลในเรื่องการ ทำความสะอาด ภายในบ้านเป็นประจำ

เคล็ดลับการทำความสะอาดบ้านเพื่อป้องกันโรคภูมิแพ้ 4 ข้อ ดังนี้

  1. ตากแดดเครื่องนอน

เครื่องนอนเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรีย เชื้อโรค เหงื่อ และเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ทำให้เกิดการเจริญเติบโตของ ไรฝุ่น ที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ ที่คนส่วนใหญ่มองข้ามทั้งๆ ที่สมาชิกในบ้านทุกคนใช้เวลาในการนอนนานที่สุด การซักเครื่องนอนด้วยเครื่องซักผ้าอย่างเดียว อาจไม่สามารถช่วยขจัดไรฝุ่นทั้งหมดได้ เพราะไรฝุ่นส่วนใหญ่ฝังอยู่ในที่นอนหรือฟูกหนาๆ ที่ยากจะเข้าถึง

  1. แสงแดดส่องถึง

สภาพอากาศในประเทศไทย มีลักษณะร้อนอบอ้าว ทำให้เครื่องปรับอากาศกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกบ้าน การปิดบ้านและเปิดเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา ทำให้อากาศถ่ายเทไม่สะดวก ส่งผลให้สารเคมีและฝุ่นละอองที่อยู่ภายในบ้านเติบโตได้ดี ขณะเดียวกันการเปิดหน้าต่างระบายอากาศ ก็เป็นช่องทางให้ฝุ่นและมลภาวะเข้ามาในบ้าน เครื่องฟอกอากาศจึงเป็นตัวช่วยที่สามารถลดปัญหาฝุ่นละอองภายในบ้านได้ระดับหนึ่ง

  1. ทำความสะอาดแผ่นกรอง

แอร์ , ใบพัดลม และพรมในบ้านถือเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย ฝุ่น และสิ่งสกปรก โดยเฉพาะพรมเช็ดเท้าที่มีหน้าที่เช็ดความสกปรกออกจากเท้า จึงเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคที่จะติดเท้า พรมมักทำความสะอาดยากกว่าพื้นธรรมดา และเก็บฝุ่นมากกว่าวัสดุชนิดอื่นในบ้าน การทำความสะอาดโดยง่ายคือ การใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดพรมบ่อยๆ และควรนำพรมไปซักไม่ต่ำกว่า 1 ครั้งต่อเดือน

  1. หากมีสัตว์เลี้ยง ต้องดูแลเป็นพิเศษ

ถึงแม้เราดูแลความสะอาดของน้องหมาน้องแมวเป็นอย่างดี แต่อย่าลืมว่า…สิ่งสกปรกและเชื้อโรคที่ตามองไม่เห็น จะติดอยู่ตามขนสัตว์เส้นเล็กๆ ซึ่งก็เป็นสาเหตุหนึ่งของโรคภูมิแพ้ และโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจเช่นเดียวกัน ดังนั้นควรดูดฝุ่นบ่อยๆ เพื่อไม่ให้มีเส้นขนติดอยู่ตามพื้นผิวต่างๆ อย่างเช่น เตียง โซฟา หรือแม้กระทั่งในรถ เพราะมันจะช่วยลดปัญหาภูมิแพ้จากขนสัตว์ด้วย

จากสถิติล่าสุด ของสมาคมโรคภูมิแพ้และอิมมูโนวิทยาแห่งประเทศไทย พบว่า เด็กไทยกว่าร้อยละ 38 และผู้ใหญ่อีกร้อยละ 20 เป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้นถึง 3-4 เท่า เมื่อเทียบกับ 10 ปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากปัญหาสภาพอากาศที่เลวร้ายขึ้น โดยเฉพาะคนเมืองที่ต้องเผชิญกับฝุ่นควันสะสมเกินมาตรฐาน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น เช่น ความเครียด การขาดการออกกำลังกาย มลพิษบนท้องถนน สภาพแวดล้อมที่แออัด

 ดังนั้น การรักษาทำความสะอาดของสิ่งแวดล้อมภายในบ้านจึงถือเป็น เรื่องที่สำคัญที่สุด