cleancocleanco

Tag : เคล็ดลับทำความสะอาด

วิธีกำจัดคราบบนหนัง คืนความสะอาดเหมือนใหม่

ควรใช้น้ำส้มสายชู 5 – 7% ชุบผ้าและเช็ดบริเวณที่เกิดเชื้อราให้สะอาดทุกซอก ทุกมุม เนื่องจากน้ำส้มสายชูมีสภาพเป็นกรด

ทำห้องนั่งเล่นให้สะอาดตา เป็นที่น่าประทับใจ

การดูแลรักษาความสะอาดของที่อยู่อาศัยถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะความสะอาดเป็นสิ่งแรกที่แขกจะได้สัมผัสและทำให้เกิดความประทับใจได้

เคล็ดลับแม่บ้าน ฟองน้ำปราศจากเชื้อโรค

หารู้ไม่ว่าฟองน้ำล้างจานที่เหล่าแม่บ้านใช้กันอยู่ทุกวัน กลับเป็นแหล่งสะสมสิ่งสกปรกและเชื้อโรคสุดสกปรกเอาไว้มากมายเลยทีเดียว

การเลือกน้ำยาทำความสะอาด สำหรับล้างพื้นห้องน้ำ

เมื่อผ่านการใช้งานและโดนน้ำเป็นเวลานานก็จะเกิดคราบสกปรกขึ้นที่พื้นผิวได้ ไม่ว่าจะเป็นคราบจากสบู่ ยาสระผม รวมทั้งคราบเชื้อราที่เกิด

เทคนิคการทำความสะอาดบ้าน ทำง่าย สะอาดทุกมุมในบ้าน

การทำความสะอาดบ้าน ทำได้อย่างไม่ทั่วถึง ทำให้หลายๆมุมในบ้านยังคงสกปรก และอาจมีเชื้อโรคซ่อนอยู่ ซึ่งเป็นบ่อเกิดความเสียหายของบ้านในอนาคตได้

เคล็ดลับการทำความสะอาดบ้าน

1. ทำความสะอาดหน้าต่าง ประตูไม้ การทำความสะอาดหน้าต่าง ประตูไม้ให้สะอาดและเป็นเงางาม ทำได้โดยการใช้ผ้าฝ้ายนุ่ม ๆ จุ่มลงในส่วนผสมของน้ำมันมะกอก 1/4 ถ้วย น้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วย และ น้ำ 4 ถ้วย บิดพอผ้าแห้ง เช็ดถูตามหน้าต่าง และประตูไม้ให้ทั่ว แล้วจึงใช้ผ้าแห้งเช็ดซ้ำอีกครั้ง

เคล็ดลับ ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์

ใคร ๆ ก็อยากให้บ้านสวยและสะอาดตลอดเวลาใช่ไหมล่ะ แต่จะแค่กวาดบ้านถูบ้านก็ยังไม่เอี่ยมอ่องมากพอวันนี้เลยมีเคล็ดลับ ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์

ห้องครัวไร้คราบ ปราศจากกลิ่น

เพราะห้องครัวคืออีกห้องหนึ่งที่ช่วยสร้างความอบอุ่นให้กับครอบครัว
การดูแลรักษาและหมั่น ทำความสะอาดห้องครัว จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

จัดระเบียบบ้านด้วย 6 วิธีง่าย ๆ

สาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้หลายคนมองว่างานบ้านเป็นเรื่องยากคือ การทำความสะอาด ผิดวิธี ไม่มีวิธีจัดการที่ถูกต้อง หรือทำความสะอาดไปแล้วไม่นานก็กลับมาอยู่ในสภาพเดิมจนรู้สึกท้อ และเหนื่อย การทำความสะอาดที่ผิดวิธีนั้น ทำให้การทำความสะอาดนั้นใช้เวลานานและยังไม่สะอาดอีกต่างหาก ดังนั้น วันนี้เรามีวิธีการทำความสะอาดง่าย ๆ แต่สามารถทำให้บ้านของคุณสะอาดแบบระยะยาวมาฝากกัน

จัดระเบียบบ้านด้วย 6 วิธีง่าย ๆ

  1. จัดแบ่งสิ่งของตามการใช้งาน

วิธีที่ช่วยจัดการของที่ปะปนกันอยู่ตรงหน้าได้ดีที่สุดคือ การจัดของตามการใช้งาน และนำของที่ไม่ได้ใช้แล้วไปทิ้ง หรืออาจจะจัดของตามกลุ่มหรือสิ่งที่เกี่ยวข้องกัน หลังจากนั้นเก็บของตามความถี่ของการใช้งาน อย่างเช่น เก็บของที่ใช้บ่อย ๆ ไว้ในที่หยิบใช้สะดวก ส่วนของที่ไม่ค่อยได้ใช้ หรือใช้นาน ๆ ครั้งเก็บเอาไว้ตรงพื้นที่ด้านในสุด เพื่อความเป็นระเบียบ

  1. หลีกเลี่ยงสิ่งของที่แตกหัก

สิ่งของที่แตกหักไปแล้วไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถซ่อมแซมให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ โดยเฉพาะจาน ชาม และเครื่องแก้วต่าง ๆ สิ่งของเหล่านี้หากคุณพบจุดที่มีการชำรุดหรือแตกหักควรเปลี่ยนไปใช้อันใหม่ทันที เพื่อป้องกันอันตราย อีกทั้งตามหลักฮวงจุ้ยสิ่ง สิ่งของที่แตกหักเหล่านั้นจะเป็นการนำเรื่องไม่ดีมาสู่บ้านของคุณด้วย เพราะฉะนั้นอย่าลืมตรวจสอบจุดชำรุดบนสิ่งของและของใช้กันบ่อย ๆ ด้วย

  1. ยิ่งน้อยชิ้นยิ่งเป็นเรื่องดี

สำหรับการตกแต่งบ้านการใช้ของน้อยชิ้นได้มากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นผลดีกับบ้านของคุณมากเท่านั้น เพราะนอกจากจะสะดวกต่อการทำความสะอาดบ้านแล้ว ยังลดการจับตัวของฝุ่นและเศษสิ่งสกปรกด้วย โดยเฉพาะบริเวณซอกมุกต่าง ๆ ของห้องและบนสิ่งของต่าง ๆ  ทำให้ลดเวลาการทำงานบ้านให้สั้นลง ส่วนใครที่เผลอตกแต่งบ้านไปแล้ว อาจจะเก็บของประดับบางส่วนเอาไว้ใช้สำหรับผลัดเปลี่ยนกับของเดิมก็ได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้งานและเปลี่ยนบรรยากาศในบ้าน

  1. จัดเก็บไว้ที่เดิม

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้สิ่งของภายในบ้านสูญหายบ่อย ๆ ก็คือ สมาชิกภายในบ้านเปลี่ยนสถานที่วางบ่อยครั้ง หรือใช้ของเสร็จแล้วไม่นำมาเก็บไว้ที่เดิม หลังจากนี้ควรขอความรวมมือจากสมาชิกภายในบ้านและตัวคุณเอง จัดเก็บของให้เป็นที่และนำมาวางไว้ที่เดิมหลังจากการใช้งาน นอกจากนี้อาจจะเขียนชื่อสิ่งของกำกับเอาไว้บนฝากล่อง หรือบนชั้นวางด้วย เพื่อช่วยเตือนความจำ

  1. ทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ

การความสะอาดไม่เพียงจะทำให้บ้านของคุณน่าอยู่เท่านั้น แต่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ ที่เกิดจากฝุ่นละอองอีกด้วย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบการหายใจ นอกจากนี้การทำความเป็นประจำลดการสะสมและการก่อตัวของก้อนฝุ่น สิ่งสกปรก ใยแมงมุม และสัตว์ที่ไม่พึงประสงค์ อย่างเช่น แมลงสาบกับหนูอีกด้วย ดังนั้นหากเป็นไปได้ควรทะความสะอาดทุกวัน หรือสัปดาห์ละ 1 ครั้งเป็นอย่างน้อย

  1. รักษากระจกและเครื่องแก้วให้สะอาด

เพราะเป็นจุดที่สามารถสังเกตได้ง่ายที่สุด ดังนั้นหากแก้ว จานชาม หรือกระจกภายในบ้านของคุณไม่สะอาดก็จะทำให้ส่วนอื่น ๆ ของคุณดูสกปรกไปด้วย เพราะฉะนั้นคุณจึงควรเช็ดกระจกและเครื่องแก้วภายในบ้านให้สะอาดใสอยู่เสมอ ทั้งนี้รวมไปถึงอุปกรณ์ทำความสะอาด อย่างเช่น อ่างล้างจาน และเครื่องใช้อื่น ๆ ด้วย เพียงเท่านี้บ้านของคุณก็กลับมาสะอาดน่าอยู่ได้อีกครั้ง

บ้านจะดูดีได้ไม่ใช่แค่การตกแต่งที่สวยงามหรือรูปลักษณ์สไตล์การดีไซน์ที่เห็นจากภายนอกเท่านั้น แต่ควรหมั่นดูแลรักษาความสะอาดภายให้กับบ้านของคุณด้วย โดยการเก็บของใช้ต่าง ๆ ให้เป็นที่เป็นทาง ขจัดเศษฝุ่นและสิ่งปรก และตกแต่งด้วยของน้อยชิ้นเข้าไว้ บ้านของคุณกลับมาสะอาดเป็นระเบียบได้ภายในพริบตาแล้ว

เคล็ดลับการซักผ้าและดูแลเครื่องซักผ้าให้สะอาด

 

หลายคนมักคิดว่าการซักผ้าเป็นงานที่ยุ่งยากและใช้เวลามาก โดยเฉพาะเวลาที่มีคราบสกปรกฝังแน่น
แต่อย่าเพิ่งโยนทิ้งนะ อีกทั้งเครื่องซักผ้าก็ยังสกปรก ไม่รู้จะ ทำความสะอาด ยังไง ?
เรามีเคล็ดลับดีๆในการซักผ้ามากฝาก เคล็ดลับของการซักผ้าที่จะช่วยรักษาเนื้อผ้าให้อยู่ทรง มีสีสันสดใส
และสวมใส่ได้นานขึ้น ทั้งวิธีการกำจัดคราบสกปรกที่คิดว่าซักไม่ออกที่จะทำให้การซักผ้าของคุณเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว
และยังมีวิธีทำความสะอาดเครื่องซักผ้าเล็กๆ น้อยๆ มาบอกกันอีกด้วย

 


เคล็ดลับการซักผ้าและดูแลเครื่องซักผ้าให้สะอาด

        1. ล้างเครื่องซักผ้าด้วยน้ำยาบ้วนปาก

หากพบว่าเครื่องซักผ้าที่บ้านเริ่มมีกลิ่นอับหรือคราบสกปรก แสดงว่าถึงเวลาทำความสะอาดแล้วล่ะ
โดยเทน้ำยาบ้วนประมาณปากครึ่งแก้วลงไปในช่องใส่ผงซักฟอก
จากนั้นก็เปิดสวิตช์ให้เครื่องทำงาน เพียงเท่านี้ทั้งเชื้อราและแบคทีเรียที่เป็นอันตรายก็จะถูกฆ่าเรียบ

        1. กำจัดคราบเหลืองด้วยแอสไพริน

โดยบดยาแอสไพรินขนาด 325 มิลลิกรัม จำนวน 5 เม็ด จากนั้นก็นำไปละลายในน้ำร้อนปริมาณ 2 ลิตร
เสร็จแล้วนำเสื้อผ้าขาวลงไปแช่ อย่าลืมกดให้ทุกส่วนจมลงไปในน้ำ
แล้วปล่อยทิ้งไว้อย่างน้อย 8 ชั่วโมง เพื่อรอให้กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ออกฤทธิ์
จากนั้นก็นำมาซักตามปกติ เท่านี้ก็จะช่วยให้เสื้อผ้ากลับมาขาวสะอาดแล้วค่ะ
ซึ่งนอกจากนี้ยาแอสไพรินยังสามารถกำจัดคราบเลือดบนเสื้อผ้าได้ด้วย
โดยให้เราละลายยาแอสไพรินลงในน้ำเย็น (อย่าใช้น้ำร้อนเด็ดขาด เพราะจะทำให้คราบยิ่งฝังลึก)
จากนั้นก็นำเสื้อผ้าที่มีคราบลงไปแช่ ถ้าคราบแห้งก็ให้นำยาแอสไพรินบดไปถูบริเวณที่มีคราบ
ปล่อยทิ้งไว้ 2 ชั่วโมง แล้วค่อยซัก

        1. ไม่ควรตากผ้านานเกินไป

เพราะการตากผ้าเอาไว้นานเกินไป จะทำให้เนื้อผ้าแข็ง รีดผ้ายาก แม้แต่เตารีดไอน้ำก็ช่วยลบรอยยับไม่ได้
แต่ถ้าหากตากไว้จนลืมสนิทและมีปัญหานี้อยู่ละก็ แนะนำให้พรมน้ำสักหน่อยก็จะช่วยให้รีดได้ง่ายขึ้นแล้ว

        1. ใส่ถุงเท้าในถุงตาข่ายก่อนซัก

สำหรับคนที่มีปัญหาถุงเท้าย้วยหรือมักจะเหลือข้างเดียวเป็นประจำ
แนะนำให้ใส่ถุงตาข่ายก่อนจะซัก ก็จะเป็นการถนอมถุงเท้าให้ใส่ไปได้นาน ๆ
แถมยังได้ถุงเท้ากลับมาแบบครบคู่หลังซัก ไม่ต้องกังวลว่าจะมีข้างใดข้างหนึ่งจะหายอีกต่อไป

        1. คืนสภาพเสื้อหดด้วยแชมพูเด็ก

คืนสภาพเสื้อผ้าที่หดตัวโดยผสมแชมพูเด็กกับน้ำอุ่นใส่ลงในกะละมัง
แล้วนำเสื้อผ้ามาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที จากนั้นนำเสื้อผ้าขึ้นมาโดยไม่ต้องล้างน้ำ
แล้ววางไว้บนผ้าเช็ดตัวแห้ง พร้อมกับม้วนเพื่อซักน้ำออก
ทำซ้ำไปเรื่อย ๆ จนกว่าเสื้อผ้าจะยืดกลับมามีขนาดเหมือนเดิม

        1. แยกเสื้อซักตามเนื้อผ้า

หลักการแยกเสื้อผ้าควรแยกตามความหนาของผ้าแทนการแยกตามสี
เพราะว่าผ้าที่หนาและหนักจะดูดซับน้ำได้มากกว่าผ้าที่บาง
ทำให้การที่เราซักเสื้อผ้าทั้งหนาและบางรวมกัน จึงทำให้เสื้อผ้าไม่สะอาดทั่วเท่าที่ควร
อีกทั้งยังสามารถส่งผลเสียต่อเนื้อผ้าที่บางกว่าอีกด้วย ยกเว้น 2 กรณีคือ
ควรซักผ้าขาวแยกเสมอและไม่ควรซักผ้าด้วยน้ำที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 29 องศาเซลเซียส
เพราะจะทำให้เสื้อผ้าสีซีดลงด้วย

        1. ใช้ครีมโกนหนวดลบคราบเครื่องสำอาง

ถ้ามีคราบเครื่องสำอางติดบนเสื้อผ้าแล้วซักออกไม่หมดซะที
ให้นำครีมโกนหนวดมาถูบริเวณที่มีคราบ แล้วปล่อยทิ้งไว้ 10-15 นาที
ก่อนซักตามปกติ หากไม่สามารถกำจัดออกได้ในครั้งเดียวก็ให้ทำซ้ำอีกครั้ง

        1. ป้องกันรอยยับด้วยลูกบอลฟอยล์

รู้ไหมคะว่าเพียงแค่เราม้วนฟอยล์อะลูมิเนียมให้เป็นลูกบอล ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2-3 นิ้ว
จำนวน 2-3 ลูก จากนั้นก็ใส่ลงไปในเครื่องซักผ้าพร้อมเสื้อผ้า
ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เสื้อผ้าของเราเกิดไฟฟ้าสถิตและลดการเกิดรอยยับได้

        1. กำจัดคราบฝังแน่นด้วยไดร์เป่าผม

สำหรับคราบที่ไม่ใช่คราบโปรตีน (Non-Protein Stains) เช่น คราบดิน คราบหญ้า
คราบน้ำผลไม้ ก่อนนำไปซักให้ใช้ไดร์เป่าผมเป่าสักพักแล้วป้ายน้ำยาขจัดคราบลงไป
ความร้อนจากลมของไดร์เป่าผมก็จะช่วยให้ซักสะอาดได้ง่ายขึ้น

        1. ใช้ผ้าขนหนูแห้งทำให้ผ้าแห้งไวขึ้น

หากต้องการสวมเสื้อผ้าที่เพิ่งซักไปแบบเร่งด่วน สามารถเร่งให้ผ้าแห้งเร็วขึ้นได้ด้วย
การนำผ้าเช็ดตัวที่แห้งสนิทแล้วมาแขวนไว้ราว หากเป็นเสื้อผ้าที่ยังเปียกชื้นมาก ๆ
แต่ใกล้จะถึงเวลาที่ต้องนำมาใส่แล้ว ให้นำมาวางบนผ้าเช็ดตัวที่แห้งสนิทแล้วม้วนเข้าด้วยกัน
ก่อนจะนำไปปั่นแห้งอีกรอบ เพื่อลดความชื้นในเนื้อผ้า

 

 เสื้อผ้าที่ใส่ไปนานก็ต้องเสียทรงหรือสีซีดลงเป็นธรรมดา แต่เราสามารถยืดเวลาการใช้งานออกไป
ด้วยเคล็ดลับง่ายๆ เหล่านี้ที่จะช่วยรักษาทรงและสีสันของเสื้อผ้าให้สวยงาม สดใส ไม่ดูเก่า พร้อมทั้งใส่ได้นานขึ้น

 

 

 

1 2