หากพูดถึงเรื่องอากาศในประเทศไทยของเรา ต้องบอกว่าร้อนมากเลยทีเดียว ถ้าพูดเรื่องของอากาศร้อน หลายคนจะนึกถึงเครื่องปรับอากาศที่ให้ความเย็นสบาย และเครื่องปรับอากาศ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีแทบจะทุกบ้านเลย รวมไปถึงอาคาร สำนักงานต่างๆที่จำเป็นจะต้องมีเครื่องปรับอากาศเพื่อให้ความเย็นสบาย และอำนวยความสะดวกภายในอาคารด้วย ซึ่งบางสถานที่มีคนจำนวนมาก จึงจำเป็นจะต้องมีเครื่องปรับอากาศเพื่อที่จะได้มีอากาศถ่ายเทและมีอากาศเพียงพอ แต่ในการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศนั้น เราจะต้องเลือกให้เหมาะสมกับสถานที่ของเรา เผื่อที่จะได้รู้สึกเย็นสบาย สำหรับการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศนั้น อย่างที่กล่าวมาข้างต้น เราจะต้องคำนึงถึงก็คือ ขนาดของห้อง เพราะเมื่อเราทราบขนาดของห้องที่ชัดเจน จะทำให้ง่ายต่อการเลือกขนาดของเครื่องปรับอากาศ และ การคิดค่า BTU เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานและช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าด้วย สำหรับเครื่องปรับอากาศนั้นถือว่ามีหลากหลายรูปแบบให้เลือกสรร โดยแต่ละแบบก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหากเลือกไม่เหมาะกับการใช้งานอาจส่งผลเสียต่อเครื่องปรับอากาศ และ ทำให้เปลืองพลังงานด้วย สำหรับวันนี้ทาง SN Service Solutions เราจะมาพูดถึงเรื่องของการเลือกเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมและประหยัดค่าไฟฟ้าด้วย
ต้องอธิบายก่อนว่าโดยหลักๆ แล้วเครื่องปรับอากาศ จะแบบออกเป็น 4 ประเภท ด้วยกัน คือ เครื่องปรับอากาศแบบติดผนัง เครื่องปรับอากาศแบบตู้ตั้งพื้น เครื่องปรับอากาศแบบแขวนใต้ฝ้า เครื่องปรับอากาศแบบฝังในฝ้า ซึ่งเครื่องปรับอากาศสำหรับใช้ในบ้าน ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องปรับอากาศแบบติดผนัง เพราะเครื่องปรับอากาศประเภทนี้ มีการทำงานที่หลากหลาย มีดีไซน์ที่ทันสมัยและมีขนาดกะทัดรัด ประหยัดพื้นที่ อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงาน รวมไปถึงการมีวิธีการบำรุงรักษาที่ง่าย โดยเครื่องปรับอากาศประเภทนี้ จะเหมาะกับห้องที่มีขนาดเล็ก และ ตามบ้านหรือคอนโดทั่วไป ที่เรามักจะพบเห็นได้บ่อยนั่นเอง ต่อมาเครื่องปรับอากาศแบบตู้ตั้งพื้น เป็นเครื่องปรับอากาศที่มีการกระจายความเย็นได้สูง และทนต่อการใช้งาน รวมไปถึงทนต่อฝุ่นควันอีกด้วย และเครื่องปรับอากาศอีกประเภทหนึ่งที่มักจะพบได้บ่อยคือ เครื่องปรับอากาศแบบฝังในฝ้า จะเป็นเครื่องปรับอากาศที่ติดเข้าไปภายในบริเวณฝ้าเพดาน ไม่ว่าจะเป็น ตัวเครื่องแอร์ ท่อน้ำทิ้ง และท่อน้ำยา ซึ่งเหมาะสำหรับห้องที่เน้นในเรื่องความสวยงาม เพราะติดแล้วจะไม่ค่อยเห็นตัวเครื่องของเครื่องปรับอากาศทำให้ภายในบ้านสวยเหมือนเดิม แต่เครื่องปรับอากาศประเภทนี้ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงเลยนทีเดียว และประเภทสุดท้ายคือ เครื่องปรับอากาศแบบแขวนใต้ฝ้า จะเป็นเครื่องปรับอากาศที่ติดตั้งใต้ฝาเพดาน ซึ่งมีการกระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึง และทนต่อการใช้งาน เหมาะสำหรับห้องที่มีขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง และมีผู้คนอยู่เยอะ อาทิ อาคารสำนักงาน ร้านค้า เป็นต้น ทั้งหมดนี้ก็คือประเภทของเครื่องปรับอากาศที่มีอยู่ในท้องตลาด ซึ่งเราจะต้องเลือกใช้เหมาะสมกับการใช้งานของเรา
ต่อมาอีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยในเรื่องของการประหยัดค่าใช้จ่าย นั่นก็คือ เราจะต้องเลือกขนาด BTU ให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่เราจะทำการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ซึ่งต้องบอกก่อนว่า BTU นั้นคือ ขนาดทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ ฉะนั้นการเลือก BTU ย่อมมีความสำคัญ เพราะจะเกี่ยวเนื่องกับการประหยัดพลังและอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศด้วย ถ้าหากเราเลือกเครื่องปรับอากาศที่มี BTU สูงเกินไปนั้น ก็จะทำให้การทำงานของคอมเพรสเซอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดน้อยลง และยังส่งผลให้มีความชื้นภายในห้องสูง อาจทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยป่วยหรือไม่สบายได้ ทำให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพ อีกทั้งยังทำให้เปลืองพลังงานอีกด้วย ฉะนั้น ค่าไฟฟ้าก็จะสูงขึ้นอย่างแน่นอน แต่ในทางกลับกันเครื่องปรับอากาศที่มี BTU ต่ำเกินไป ก็จะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานตลอดเวลาและหนักจนเกินไป เพราะอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงตามที่ตั้งหรือกำหนดไว้ ซึ่งจะส่งผลทำให้เครื่องปรับอากาศเสียได้ง่าย และเปลืองพลังงาน ดังนั้น การเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสม เราก็ควรเลือกเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมต่อการใช้งาน เลือก BTU ที่เหมาะสมกับพื้นที่ภายในห้อง เพื่อที่จะได้ยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศและช่วยในเรื่องของการประหยัดพลังงาน อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ ก็ควรเลือกในแบบที่มีสัญลักษณ์ประหยัดไฟด้วยเพราะนั้นหมายถึง คุณภาพในการใช้พลังงานที่คุ้มค่าที่สุด ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานและประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย เพียงเท่านี้คุณก็จะได้เครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมกับการใช้งานและยังช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าไปได้เยอะเลยทีเดียว