การรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ การติดเชื้อ ความเครียด หรือผลข้างเคียงจากยาบางชนิด อาจทำให้ระบบย่อยอาหารเกิดความผิดปกติและส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจกรรมในชีวิตประจำวัน การหันมาดูแลระบบย่อยอาหารด้วยการปรับพฤติกรรมบางอย่าง
อาหารที่ ให้วิตามิน C วิตามิน E เบต้าแคโรทีน ธาตุสังกะสี และธาตุทองแดง มีประโยชน์ในการชะลอการเสื่อมของจอประสาทตา ซึ่งวิตามินA เป็นสารที่ช่วยในการทำงานของจอประสาทตา และมีบทบาทสำคัญในการมองเวลากลางคืน ซึ่งพบมากในผักจำพวก ชะอม คะน้า ยอดกระถิน ตำลึง ผักโขม ฟักทอง และวิตามินB มีการศึกษาพบว่าวิตามิน B1 และB12
อาหารที่มีฤทธิ์ต้านโรคมะเร็ง ได้แก่ ผักตระกูลครูซิเฟอรัสได้แก่ บร็อคโคลี่ กะหล่ำดอก ผักกลุ่มนี้อุดมด้วยสารประกอบที่ชื่อ อินโดล-ทรี-คาร์บินัลและซัลโฟราเฟน ซึ่งจะเพิ่มการขับฮอร์โมนเอสโตรเจนชนิดที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งเต้านมออกมา
ร่างกายจึงต้องการพลังงานไปชดเชย โดยเฉพาะความหวาน ที่สามารถลดความเหนื่อยล้า อ่อนแรง และอาการง่วงนอน ดังนั้น หากเรานอนเพียงพออย่างน้อย 6-7 ชั่วโมง ไม่นอนดึก ลดการบริโภคช่วงกลางดึก ร่างกายก็จะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ฮอร์โมนต่างๆ
การกินผักผลไม้ทั้งชิ้น และยืนยันว่า การเอาใยอาหารออกทำให้ดูดซึมสารอาหารได้ง่ายกว่า แต่อย่างไรก็ตามไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนเรื่องนี้ แต่ในความจริงแล้ว ร่างกายของเราต้องการใยอาหารเพื่อให้ได้ผลดีต่อสุขภาพมากที่สุด เช่น สารต้านอนุมูลอิสระ
ไขมันแบ่งเป็น 2 ชนิด คือคอเลสเตอรอล ที่อยู่ในอาหารประเภทเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์ของสัตว์ เช่น นม เนย และไตรกลีเซอไรด์ เป็นไขมันหลักที่เรารับประทานจากอาหาร แบ่งเป็นไขมันอิ่มตัว ไขมันไม่อิ่มตัว ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน
อาหารที่มีไขมันมาก จะทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมา และอาจจะทำให้มีน้ำหนักมากขึ้นได้ แต่หารู้ไม่ว่า ไขมัน ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อร่างกายเช่นเดียวกัน
อาหารเพื่อสุขภาพสำหรับบำรุงหัวใจให้มีความแข็งแรง ได้แก่อาหารประเภท ถั่วฝักยาว ซึ่งเป็นหนึ่งในพืชตะกูลถั่ว ที่นับว่าเป็นแหล่งโปรตีนชั้นเลิศที่ไม่มีไขมันเลว จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจลงไปได้ถึง 22% รวมถึงช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของคนที่เป็นเบาหวานได้อีกด้วย
อาการร้อนในเกิดได้จากหลายปัจจัย และสามารถเกิดได้ทุกเพศทุกวัย เกิดจากร่างกายขาดวิตามินบี 12 และธาตุเหล็ก มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
